เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้าเป็นประจำ และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ คลิกเดียวสาวๆ ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมาย ทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้น โดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบ ใครที่ชื่นชอบแฟชั่นรันเวย์ลุค อาจจะเลือกแต่งหน้า แบบเหล่าซุปเปอร์โมเดลบนแคทวอล์ค หรือจะเลือกแต่งหน้าสไตล์ญี่ปุ่นหรือเกาหลีก็สามารถดูคลิปตัวอย่างหรือ วิธีสอนแต่งหน้าตาม เว็ปต่างๆ ได้หลากหลายหรือแม้กระทั่งยูทูปที่มีเหล่าเมคอัพอาร์ทติสทั้งมืออาชีพ และมือ สมัครเล่นแนะนำขั้นตอนการแต่งหน้าและทิปส์ต่าง ๆ มากมาย และในขณะที่เหล่าสาวๆ กำลังสนุกกับการแต่งหน้า มีภัยร้ายตัวหนึ่งแฝงตัวคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที รู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วน ประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90% ซึ่ง ถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของแถม แล้วยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำ ให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมนหรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้
“ในการแต่งหน้าแต่ละครั้งนั้น ผิวหนังสามารถซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางเข้าสู่ร่างกายได้ถึง 60% อันเป็น สาเหตุเบื้องต้นของผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเนื่องจากผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัยถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอน ดังนั้นยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรใช้สำอางมากชนิด ควรใช้แต่พอควร และรีบล้างออกทันทีเมื่อหมดวัน หากทิ้งไว้อาจเป็นต้นกำเนิดของแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เกิดการอุตตัน เป็นที่มาของ ผื่นแพ้และเป็นสิว” นพ.วรพลสุขีวัฒนาหรือดร.โทนี่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณกล่าว

ดร.โทนี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ
ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงปัญหาผิวหนังที่เกิดขึ้นทันทีหรือในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวนั้นอย่างที่กล่าวมาข้าง ต้นว่า ผู้หญิงซึมซับสารเคมีจากเครื่องสำอางทุกชนิดเฉลี่ยปีละเกือบ 2 กิโลกรัม ในขณะที่เอนไซม์ในน้ำลายและ น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารอาจทำลายสารเคมีในลิปสติกได้ แต่ถ้าเป็นเครื่องสำอางที่ซึมซับผ่านทางผิวหนัง และ ทางกระแสเลือดนั้น ไม่สามารถป้องกันได้เลยและจะไปสะสมที่ตับ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถกำจัดออกทาง ผิวหนังและการขับถ่ายได้ เป็นสาเหตุของผดผื่น ซึ่งเป็นผลจากการขับพิษตามธรรมชาติออกจากร่างกายทางหนึ่ง เป็นเหตุให้สาวๆ ผู้รักสวยรักงามต้องหันมาใส่ใจและเลือกซื้อเครื่องสำอางกันมากขึ้น ต้องให้ความใส่ใจกับส่วน ผสมต่างๆ เพราะสารบางตัวนั้นเป็นต้นเหตุของมะเร็ง บางตัวมีผลทำให้ฮอร์โมนผู้หญิงลดลง ประจำเดือนหมดเร็ว ก่อนจะซื้อเครื่องสำอางต่างๆ ควรระวัง 5 อันดับต้นๆ สารเคมีที่มีอันตรายต่อร่างกาย ดังต่อไปนี้
1. (พาราเบน) Paraben สารกันเสียที่นิยมใช้อย่างมากในกลุ่มเครื่องสำอางจำพวกผิวหนัง ครีมบำรุงผิวหน้า ครีมทำความสะอาดรวมถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นหรือโรลออน เนื่องจากราคาถูกจึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในรูป ของเมธิลพาราเบน (Methylparaben) และเอธิลพาราเบน (Ethylparaben) มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญ เติบโตของแบคทีเรีย สารเคมีตัวนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและกระแสเลือดได้รวดเร็วและง่ายต่อการสะสมใน ร่างกายหลายองค์กรจึงรณรงค์ให้เลี่ยงการใช้พาราเบนที่พบว่าเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว อาจขัดขวางการทำงาน ของต่อมไร้ท่อ ทำให้มีความผิดปกติด้านฮอร์โมน (Hormone imbalance) และอาจเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งโดยเฉพาะ มะเร็งเต้านม
2. ทาล(Talc) เป็นสารเคมีอีกหนึ่งชนิดที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะถ้าใช้แหล่งวัตถุดิบไม่ดีอาจเกิด การปนเปื้อนของสารชนิดที่เรียกว่า ‘Asbestos’ แต่ต้องได้รับเป็นจำนวนมากจึงส่งผลร้ายต่อร่างกายได้ ทาลเป็น ส่วนประกอบสำคัญที่พบมากที่สุดในเครื่องสำอางประเภทแป้งตลับ อายแชโดว์ชนิดฝุ่น หรือพวกบลัชออน เป็นต้น โดยทำหน้าที่เป็นสารช่วยหล่อลื่น ทำให้รู้สึกลื่นเมื่อสัมผัส ไม่จับตัวเป็นก้อน
3. Petroleum Derivative เป็นสารเคมีที่ได้มาจากการแยกน้ำมันปิโตรเลียม และถูกนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่อง สำอางหลายประเภท อาทิ ครีมรองพื้น โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว เพื่อทำหน้าที่เก็บกักความชุ่มชื่นผิว โดยการ เคลือบผิวไว้ แต่ด้วยความที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และผ่านกรรมวิธีทางเคมี จึงอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ผิวอุดตันและเกิดสิวได้ และหากสะสมในประมาณมากพอสมควรอาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ฮอร์โมน และภูมิคุ้มกันในเพศหญิงอ่อนแอ
4. สารตะกั่ว(Lead) อาจจะปนเปื้อนมาจากการสกัดส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอางเป็นสารต้องห้าม เนื่องจาก หากถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยหาสาเหตุไม่พบ ร่วมกับอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นเลือด อาจมีอาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และลดอัตราการสร้าง เม็ดเลือดแดง ระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ กฎหมายกำหนดไว้ว่าอาจพบสารตะกั่วได้ในอัตรา ส่วนไม่เกิน 20 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก หากพบว่าผลิตภัณฑ์ใดมีสารตะกั่วเกินกว่านี้ จะเข้าข่ายเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย

pic from http://ivillage.tumblr.com/
5. สารปรอท(Mercury) เป็นสารที่ทำให้เกิดอาการการแพ้ หรือระคายเคืองได้อย่างรุนแรง อันตรายต่อระบบ ทางเดินปัสสาวะ ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และไตอักเสบ มักพบในเครื่องสำอางที่ทำให้สีผิวจาง ลดสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐาน สารปรอทสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น สูดดมเข้า ทางปอด หรือถูกดูดซึม ผ่านทางลำไส้เล็กหากมีการกลืนกินเข้าไป แม้แต่การทาที่ผิวหนังสารปรอทก็จะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกาย
ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีสารจำพวกนี้ ใช้เครื่องสำอางพอควร ไม่มากชนิด และควรทำความ สะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถป้องกันการ ซึมเข้าผิวของสารเคมีชนิดต่างๆ (Chemical protective shield) จะสามารถปกป้องผิวจากสารเคมีในเครื่องสำอาง ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ ได้
ขอบคุณข้อมูลจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า NIVEA Face Care