เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆคนสำหรับหมู่เกาะมัลดีฟส์ (ประเทศมัลดีฟส์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา) แต่ก่อนหน้านี้มีความเชื่อมาว่า การไปเที่ยวมัลดีฟนั้นใช้เงินเป็นแสน ซึ่งจริงๆแล้วสมัยนี้มีแพคเกจเริ่มต้นที่ราคา3หมื่นปลายๆก็ไปได้แล้ว
สำหรับ Blog นี้นำเสนออีกนึงที่พัก 5 ดาวของมัลดีฟส์ นั่นคือ Cocoa Island เราเดินทางเมื่อเดือน กค. ปี2013 ตามมาชมกันเลยดีกว่าว่าจะสวยงามยังไง บอกไว้ก่อน blog นี้รูปภาพเพียบค่ะ
ตัดภาพจากเมืองไทยมาถึงน่านฟ้ามัลดีฟส์กันเลย เมื่อเราเห็นเจ้าเกาะด่างๆดวงๆนั่นก็คือแปลว่าใกล้ถึงแล้ว แหม เรียกซะเสียหาย จริงๆแล้วเกาะเล็กๆเหล่านั้นเค้าเรียกว่า Atoll ค่ะ (ไปอ่าน Wikipedia มา มันเกิดจากภูเขาไฟที่จมลงไปใต้มหาสมุทร ซึ่งใช้เวลาเป็น30ล้านปีทีเดียวกว่าจะเกิดอะทอลล์นี้ขึ้นมา) ก็ดื่มด่ำกรี๊ดกร๊าดกับมันพอสมควร เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน คือแค่ อะทอลล์นี่ก็ถ่ายกันเกือบร้อยรูปนะคะ
Landing สู่ MALE (เวลาจองตั๋วอย่าตกใจค่ะ ที่นี่เมืองหลวงและสนามบินเค้าชื่อมาเล่ ไม่ใช่มาเลเซีย) มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง นี่ขนาดตอนไปคือวันจันทร์ยังคนมากมาย และห้องน้ำตรงนั้นไม่ค่อยสะอาดด้วยค่ะ เข้าบนเครื่องก่อนลงจะดีกว่า รอต่อแถวอยู่ประมาณ 40 นาที ออกมาก็จะมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมมาถือป้ายรอรับเราเลย เสร็จแล้วเค้าก็จะพาเราไปขึ้นเรือ speed boat ค่ะ (หากไปบางรีสอร์ทจะได้นั่ง sea plane ค่ะ ขึ้นอยู่กับระยะทางความไกล)
ขณะรอผ่านตม.
เดินออกมาผ่านร้านอาหารนิดหน่อย เล็งๆไว้เผื่อขากลับหิวจะได้แวะ

เมื่อย่างก้าวออกมานอกอาคารผู้โดยสาร กรี๊ดดดดดดดดดดด…. น้ำใสมาก กรี๊ดดดดดด แต่ถ่ายรูปได้ไม่นาน เราก็รีบขึ้นเรือไปกรี๊ดต่อที่โรงแรมของเรากันต่อ
ขึ้นเรือกันเถอะ
ออกเดินทาง บนเรือมีจนท.หนุ่มหล่อในชุดขาวดูแลเราถึง 3คน
บนเรือก็มีการเสิร์ฟน้ำเปล่าและผ้าเย็นค่ะ ระหว่างนั่งเรือไปก็ดื่มด่ำกับความใสของน้ำทะเลใสกันไป จากสนามบินมาถึงที่ COCOA Island นั้นใช้เวลาประมาณ 30นาทีค่ะ มาถึงก็มีพนักงานมายืนเรียงรอต้อนรับ และคนที่มาต้อนรับก็เป็นถึง Manager ของรีสอร์ทเคยค่ะ แกก็พาเราเดินไปที่ Lobby หลังจากนั้นก็จะมีพนักงานมาพาเดินแนะนำรอบๆเกาะ ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
Lobby
welcome drink เป็นน้ำมะพร้าวค่ะ
เกริ่นถึง Cocoa island กันซักนิด ชื่อเต็มๆนั้นคือ Cocoa Island by COMO (COMO เป็น chain โรงแรมที่มีอยู่ทั่วโลกรวมถึง Metropolitan สาธรที่ไทยด้วย) ห้องพักของที่ Cocoa นั้นมีเพียง 33ห้อง ฉะนั้นจะค่อนข้างเป็นส่วนตัวมากกกก (ตัวอย่างห้องพักที่อื่นๆนะคะ ดุสิตมัลดีฟส์มี 90ห้อง / คลับเมด 238ห้อง / Centara 112ห้อง) บางช่วงอาจจะมีคนเข้าพักเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ฉะนั้นจะไม่มีความวุ่นวายจากคนเยอะๆ style การตกแต่งนั้นจะเป็นแบบไม้ๆ เป็นธรรมชาติ รวมถึงอาหารการกินด้วย ใครชอบ organic food ต้องปลื้มแน่นอน บ้านพักทั้งหมดจะเป็น over-villa คือเป็นบ้านทื่ยื่นไปในทะเลทั้งหมด คือตื่นมาจากหลังไหนก็เห็นทะเล ฉะนั้นแขกที่จะมาพักสามารถนอนเอกเขนกอาบแดดหลังบ้านตัวเองได้ ไม่ต้องไปรวมตัวกันที่สระว่ายน้ำให้คนเยอะค่ะ และเกาะค่อนข้างใหญ่ถ้าเทียบกับจำนวนห้องพัก แต่ละหลังห่างกันทีเดียวไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวน บ้านพักที่นี่จะเป็นทรงคล้ายเรือของชาวท้องถิ่น แต่เป็นเรือที่มั่นคงไม่ต้องกลัวจะหลุดลอยออกทะเลนะคะ (ทดสอบมาแล้วเพราะเจอพายุฝนอย่างหนัก)
มาเดินดูบริเวณรอบๆ เกาะของเราซักหน่อย สิ่งแรกที่อยากจะแนะนำคือหากมาพักที่นี่ ให้ไปยืมชูชีพและอุปกรณ์ดำนำจาก Diving Center ค่ะ อยู่ทางขวาของ lobby มีทั้งsnorkelและตีนกบให้ยืมฟรี รวมถึงเรือคายัคด้วยค่ะ เราต้องใช้ facilities ให้คุ้ม
อยากออกไปดำน้ำก็มีสอนค่ะ
ไปเดินชมมุมอื่นของเกาะกันบ้าง เดินไปทางซ้ายของ Lobby ก็จะเจอกับสระน้ำในร่ม (ไฮโดรพูล) อันนี้ห้ามพลาดค่ะ เป็นการนวดตัวด้วยแรงดันน้ำ ในสระจะมีหลายมุม แช่กันได้ตราบนานเท่านานไม่ต้องเขินอาย สบายไม่แพ้นวดมือเลยทีเดียว

ไฮโดรพูลมุมบนตรงไฮโดรพูลนี่เค้าจะมีเวลาเปิดปิดน้ำค่ะ ปิดกี่โมงไม่แน่ใจ แต่ถ้าเค้าปิดแล้วตรงกำแพงทางซ้ายที่มีที่เปิดอยู่ ไปเปิดแช่เองได้ ถามพนักงานให้ช่วยเปิดให้ก็ได้ เค้าใจดีบริการเลิศกันทุกคน และด้านบนของไฮโดรพูลยังเป็นฟิตเนสอีกด้วย ติดรองเท้่าผ้าใบเผื่อมาเล่นก็ได้นะคะ.
ถัดจากไฮโดรพูลก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก สปา และโยคะวิลล่าค่ะ ฟังดูใหญ่โต แต่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้เอง
ร้านขายของที่ระลึก
มีสอนโยคะด้วยค่ะ
ยืมDVD หนัง และหนังสือได้
ถ้าจะใช้บริการสปา อย่าลืมจองล่วงหน้า 1วัน ที่นี่สปาเค้าดังมากค่ะ มีผลิตภัณฑ์สปาของตัวเองด้วยในชื่อ COMO Shambala ใครอยากลองก่อนเชิญที่ รร. Metropolitan สาทรได้
เดินเล่นถ่ายรูปได้รอบเกาะ
เดินชมรอบเกาะแล้วเข้าห้องพักกันดีกว่า ทางเดินไปห้องพักกลางทะเลของเราจะถูกพาดผ่านบนสะพานไม้อันนี้ค่ะ เหมือนรีวิวที่เคยอ่านในpantip เลย 555
หน้าบ้านพักค่ะ
มีกระบวยตักน้ำล้างเท้าหน้าบ้านเผื่อเล่นน้ำมาเท้าเลอะทราย
เข้าห้องมาปุ๊บจะเจอรองเท้าแตะและร่มที่เค้าเตรียมไว้ให้ค่ะ กันแดดกันฝนได้หมด เค้าคิดมาแล้ว (ในห้องไม่มี slipper)
เข้าสู่ตัวบ้านจะเจอห้องน้ำก่อนเลยค่ะทางขวามือ ใหญ่โตมาก ที่แขวนเสื้อผ้ากว้างขวาง
hilight คือแชมพู-สบู่-โลชั่นของ COMO Shambhala กลิ่นเดียวกับที่ใช้ในสปาของเค้า หอมมากๆตลบอบอวล
ที่วางอยู่บนอ่างเป็นเกลือขัดตัวค่ะ หอมไปหมด
อันนี้ชูชีพฉุกเฉินจะแขวนตรงราวแขวนเสื้อ อย่าเอาไปใช้ว่ายน้ำเล่นหลังบ้านนะคะ ชูชีพยืมได้ฟรีที่ diving center การใช้งานคือพอโดนน้ำมันปุ๊บมันจะพองทันที แต่ถ้าเผลอไปใช้แล้วเอานิ้วกดในท่อลมแท่งๆมันก็จะฟีบดังเดิมค่ะ
ห้องนั่งเล่น ใหญ่มาก นอนได้เลย
มีเครื่องเล่น DVD ให้ค่ะ สามารถไปยืมหนังมาดูได้ เตรียมไปเองก็ได้ มีdock ให้เสียงฟังเพลงจาก ipod/iphoneด้วย
ด้านบนเป็นห้องนอน
มุมอาบแดดหลังบ้าน
น้ำใสนั่นก็บริเวณน้ำตื้นค่ะ ประมาณเมตรนิดๆ ออกไปตรงสีเข้มนั่นก็น้ำลึก ลึกแบบเหวค่ะ ใครว่ายน้ำไม่แข็งอย่าได้ออกไป
อันนี้ถ่ายพาโนจากไอโฟน ตอนฝนกำลังจะตกค่ะ ตกแป๊บเดียวแล้วพอหลังฝนตกจะน้ำใสมากกก ฟ้าสว่างเหมือนเดิม ฉะนั้นการมามัลดีฟส์อย่าได้แคร์ฤดูกาล
ห้องนอนด้านบน มีห้องน้ำ(เฉพาะชักโครกอยู่ด้านหลังด้วยค่ะ)
ลงมาสำรวจminibar กันบ้าง มี nespresso พร้อแคปซูลกาแฟ 3รสเลือกทานได้ฟรี นอกนั้นก็ minibar standard ทั่วไปค่ะ มีราคาแปะไว้หมด
แค่กดปุ่มกาแฟหอมๆก็ออกมาพร้อมดื่ม ประเด็นคือใช้ครั้งแรกหาปุ่มเปิดนานมากกก มันซ่อนอยู่ด้านหลังนะคะ
ปลั๊กไม่ต้องเอามานะคะ เค้ามีให้อยู่ที่โต๊ะหนังสือ อันนี้เจอตอนวันกลับ ขำเลยเพราะพกปลั๊ก3ตามาเองเต็มที่
ในห้องจะมีน้ำดื่มขวดใหญ่ไว้ให้ตรงมินิบาร์ ในห้องน้ำ และห้องนอน เท่าที่ลองใช้ชีวิตดูแล้วเพียงพอค่ะ เพราะเราก็มีไปทานอาหารที่ restaurant อยู่แล้วทั้ง3มื้อ ไม่ต้องขนน้ำเปล่าไปเองค่ะ แต่ถ้าอยากเอามาเองอาจจะเป็นพวกน้ำอัดลมค่ะ (ทานในมินิบาร์ราคาน่าจะ 5$ค่ะ) ส่วนเหล้าเค้าไม่ให้เอาเข้าประเทศนะคะ อย่าขนมาเอง ถ้าอยากดื่มอะไรอื่นๆนอกจากเบียร์ในมินิบาร์ไปสั่ง cocktail ที่บาร์ได้
หนังสือที่ในห้องเตรียมไว้ก็จะเป็นเรื่องราวของโรงแรมของเค้า ทั้งในเครือ COMO และความเป็นมาของเกาะ COCOA ค่ะ แนะนำให้อ่าน เพราะอ่านแล้วจะอินมากกก อยากจะกลับมาให้ได้อีกครั้ง
รูปบนจะเป็นชนิดของปลาต่างๆค่ะ จะมีปลาอันตรายอยู่ที่มาถึงห้องปุ๊บ จนท.เค้าก็จะเปิดแนะนำเลยว่าเจอตัวนี้ให้ว่ายหนีซะ
ไปดูบริเวณร้านอาหารกันบ้างดีกว่า.. ออกจากห้องซ้ายมือลิบๆนั่นคือ bar&restaurant ค่ะ นกกระยางมีทั่วเกาะ ไม่กลัวคนด้วยค่ะ เข้าไปถ่ายรูประยะประชิดได้ แต่ถ้าชิดมาก นางจะบินหนี
รองเท้าแตะในห้องใส่เหยียบทรายก็จะเป็นรอย COCOA เก๋ๆแบบนี้
อันนี้เก็บภาพเป็นช่วง breakfast ค่ะ เป็นช่วงเดียวที่จะได้เจอแขกห้องอื่นๆเยอะที่สุด
บริเวณบาร์ อยากดื่มเชิญตรงนี้ อาหารทั้งหมดสั่งไปทานในห้องก็ได้นะคะ มี room service นิดหน่อย
ถ่ายย้อนจากสระน้ำไปที่ร้านอาหาร ตรงนี้เรียกว่า Infinite Pool ค่ะ
ตอนเช้าจะมี Line อาหารประมาณนี้ เน้นเป็นผักผลไม้ขนมปังซะส่วนใหญ่
มีหนังสือพิมพ์ให้อ่าน แต่ฉบับprintบน A4
สำหรับอาหารเช้าที่นี่นอกจาก Line buffet พวกผลไม้ขนมปังแล้วจะสั่ง main dish ได้ 1 อย่างค่ะ สำหรับใครที่กลัวไม่อิ่ม แนะนำให้สั่ง Egg Benedict (รองด้วย prosciutto หรือ parma ham) หรือ Egg Royale ไข่ดาวรองด้วยแซลมอน จะมาจานใหญ่อิ่มแน่นอน
ขนมปังเสิร์ฟให้ทุกมื้อ
เมนูอาหารเช้า
มาดูเมนูมื้อเที่ยงกันบ้าง บอกตรงๆว่าเวลาสั่งก็จิ้มๆ เดาๆเอา มีถามจากเพื่อนที่เคยมาแล้วว่าอะไรอร่อย
ลองมาดูอาหาร 1 มื้อของเราค่ะว่าใช้เงินเท่าไหร่ ไป2คน สั่งคาว 2 อย่าง จานแรก sushi ปูนิ่ม
และ organic chicken sandwiches
สั่งแบบไม่วู่วามค่ะ ลองเชิงก่อน มีค่าน้ำและ service charge extra ขึ้นมานิดหน่อย มาดูภาพเมนูอื่นๆที่เราสั่งทานกันค่ะ หากอยากทานอะไรนอกเหนือจากในเมนูลองถามได้นะคะ เค้าทำให้ได้หากมีวัตถุดิบ อย่างคืนแรกที่ไปลองสั่งสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศดู ปรากฎออกมาเยอะมากกก ทานไม่หมด อีกวันอยากทานสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (ไม่มีในเมนู) แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเค้าจะมีแฮมมั้ยเพราะที่นี่เป็นอิสลาม แต่เอ.. ตอนเบรคฟัสก็มีแฮมนี่น่าเลยลองถามดูเค้าก็บอกว่ามี ทำให้ได้ คิดราคาเท่าสปาเก็ตตี้ปกติ
นาซีโกเล็ง คล้ายๆข้าวผัดบ้านเรา มีไก่สะเต๊ะและไข่ด้วย อร่อยมากๆ
Golden Waffle
icecream มะพร้าวsorbet อร่อยไปหมดทุกอย่างค่ะที่นี่
พิซซ่าสั่งทานในห้องคืนที่ขี้เกียจออกมา
ถ้ามาติดคืนวันพฤจะมี seafood night ค่ะ หัวละ145$++ (รวมขนมหวานคนละที่ แต่ไม่รวมน้ำ) เราสามารถเลือกอาหารไป grill ได้ เค้าจะถามว่าจะให้ mix มาเลยมั้ย แนะนำว่าอย่าmix ค่ะ เพราะถ้า mix มาจะมีปลาที่ชิ้นใหญ่มาก มา2ชิ้นคือกินแค่นั้นก็อื่มทานอย่างอื่นได้นิดเดียว เลือกสิ่งที่เราอยากทานไปเลยดีกว่า (แน่นอน เล็งไปที่ lobster) ถ้าจะให้ดีอย่าลืมเตรียมน้ำจิ้ม seafood แบบไทยๆพกไปเองเลยจะเจริญอาหารมากค่ะ
seafood ที่จิ้มไป grill ได้ ด้านหลังมีน้ำจิ้มที่เค้าเตรียมไว้ให้เลือกค่ะ แต่เตรียมน้ำจิ้มseafoodไทยๆไปรับรองถูกปากสุด
ขนมหวานในset
ห้องอาหารที่นี่ตอนกลางคืนจะมืดมากค่ะ ถ่ายรูปไม่ค่อยงามเท่าไหร่เลย ^^” สำหรับค่าอาหารที่นั่นเราจ่ายไม่เยอะมากค่ะ มื้อนึงสั่ง 2-3 จานเท่านั้น อาจจะมีขนมหวานในบ้างมื้อ บางวันไปทาน breakfast สาย เที่ยงยังไม่หิว ก็ทานขนมที่พกไปค่ะ แล้วข้ามไปทานเย็นเลยค่ะ (ถ้าเตรียมมาม่าไป ไว้ทานเล่นๆก็อร่อยดีนะคะ)
อาหารค่ำอีกมื้อที่เราสั่งกัน สปาเก็ตตี้คาโบนาค่า 36$ / Kingfish sashimi 26$ / seared scallops 30$
spaghetti bolognese แต่เป็นซอสเนื้อค่ะ เยอะมากกก
พระอาทิตย์ตกดินที่ COCOA
สำรวจบนบกแล้วมาดูใต้น้ำบ้าง น้ำทะเลรอบๆที่เราเห็นสามารถว่ายถึงกันได้หมดค่ะ จะว่ายจากร้านอาหารกลับมาห้องพักก็ได้ น้ำจะขึ้นสูงบ้างแต่ก็แค่เมตรกว่าๆเท่านั้น ส่วนบริเวณที่เป็นสีเข้มอย่างที่บอกว่ามันจะลึกเป็นเหวลงไปเลย แต่ก็สามารถไปว่ายน้ำดูปะการังได้ ยังไงใส่ชูชีฟไว้เพื่อความปลอดภัยนะคะ
ว่ายจริงตอนบ่าย เราต้องการแดดเปรี้ยงๆ
ปลาหลากชนิด ถ่ายจากใต้น้ำ
หลายๆคนที่มาก่อนหน้าบอกว่ามาที่นี่จะได้เจอฉลามน้อยๆว่ายกันเต็มไปหมด แต่วันที่ไป2วันแรกพยายามส่องยังหาไม่เจอ เราเลยจิ้ม location ใน instagram ดูว่าแขกคนอื่นๆที่มาพักเค้าลงรูปอะไรกันบ้าง ไปเจอ baby shark ของแขกคนอื่น พอรู้ตำแหน่งแล้วว่า อ๋อ อยู่อีกมุมนึงของหาดที่เรายังไม่ได้เดินไป เลยลองคอมเม้นถามค่ะ ว่าแก๊ง baby shark นี่จะมาตอนไหน แขกคนนั้นก็ตอบมาว่า มาทั้งวันไปเดินดูได้ เลยลองไปสะกดรอยตามค่ะ ปรากฎเจอจริงๆ เจอเยอะมาก เป็น10ๆตัวเลย กรี๊ดมาก (เรื่องราวดีๆของ social media)
มุมนี้เป็น service ที่เรียกว่าromantic dinner ถ้าต้องการเค้าจัดให้ได้
สุดหาดอีกฝั่ง แอบเรียกเองว่าทะเลแหวก
แบบของบ้านพัก นอกจากจะแบบเรือแล้วก็จะมีแบบ Loft Villa ความแตกต่างก็คือมี shower ด้านข้างซ้ายมือของบ้านค่ะ จะสะดวกขึ้นตรงที่ว่ายน้ำขึ้นมาจากทะเลแล้วก็มาอาบน้ำก่อนเข้าบ้านได้เลย ราคาก็จะสูงขึ้นด้วย
เราใช้เวลาที่นี่ 5 วัน 4 คืนค่ะ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ (ที่นี่ free wifi ทั่วเกาะค่ะ ไม่ต้องเปิด roaming มา) กิจกรรมอื่นๆของที่นี่ยังมีการพาออกไปนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตก/ไปดำน้ำ/ออกไปดูปลาโลมา ซึ่งในแต่ละวันจนท.จะนำกระดาษมาสอดไว้หน้าห้องของเราว่าอากาศเป็นยังไง มีกิจกรรมอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ไม่ได้ทำอะไรที่เสียเงินเพิ่มเลยค่ะ แค่พักผ่อนนั่งเล่น/นอนเล่น ก็หมดเวลาวันนึงแล้ว 5วันนี่ไม่เบื่อเลย
ตารางกิจกรรม
วันก่อนจะกลับจนท.จะมาถามว่า เราเดินทาง Flight นี้ๆ ใช่มั้ย (ตามที่เคย email confirm กันไว้) เค้าก็จะบอกว่าเราต้องออกไปขึ้นเรือกี่โมง แหม..วันกลับละเศร้าเลยค่ะ ตื่นมาทาน breakfast เสร็จก็ต้องกลับแล้ว
กลับแล้วค่า
มาถึงสนามบินจนท.เค้าเข็นกระเป๋ามาถึงประตูทางเข้าสนามบินเลยค่ะ พอเข้าไปแล้วออกไม่ได้ซะด้วย บอกจนท.เค้าว่าขอออกไปซื้ออะไรทาน เค้าบอกว่า ข้างบนก็มี.. (ไอที่เล็งไว้ตอนมานั่นอด555 ) สนามบินที่นี่เล็กมากๆค่ะ คนน้อยเชียว
ดูวิวทะเลอีกซักรูป น้ำใสจริงๆ ที่เคยเห็นในรูปใน vdo ก่อนมานั้นบอกเลยว่า ของจริงมันใสและสวยกว่านั้นหลายเท่าตัวค่ะ มีโอกาสจะต้องกลับไปอีกแน่นอน
ด้านในตัวสนามบินมีร้านอาหารนะคะ เผื่อใครหิว
โบกมือลาสนามบิน Male ที่นี่ไม่มีงวงนะคะ เดินจาก runway ไปที่เครื่องเลย สนามบินเค้าเล็กๆค่ะ เมืองหลวงเค้าก็จิ๋วมาก มีพื้นที่เพียง 2.5ตารางกิโลเมตรเองค่ะ

ปิดท้ายด้วยภาพทะเลสวยๆ (จริงๆคือมหาสมุทรอินเดีย) จาก COCOA Island ค่ะ เริ่มต้นที่ Baby Shark
ปูลมหรือไม่.. ตัวใหญ่มากค่ะ
ช่วงน้ำลง
วิวตอนทาน breakfast เห็นทั้งทะเลและสระน้ำ